สถานประกอบการณ์พยาบาลหลายแห่งได้มี การทุจริตบัตรทอง จากการใช้ข้อมูลของ ประชาชน

การทุจริตบัตรทอง กรณีการทุจริต โดยการนำเอาข้อมูลการใช้สิทธิ์บัตรทองของประชาชน มาเป็นค่าเบิกจ่ายเงินจากทางสํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาตินั้น ได้สร้างความวุ่นวายและผลกระทบอย่างมาก

การทุจริตการใช้สิทธิ์บัตรทองได้นำไปสู่การยกเลิกการใช้สิทธิประโยชน์ทั้งในโรงพยาบาลและคลินิกหลายแห่ง ซึ่งทางสํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

การทุจริตบัตรทอง

การทุจริตบัตรทอง ผลปรากฏว่าในกรุงเทพมหานคร ฯ มีผู้ได้รับผลกระทบจากการทุจริต ดังกล่าวนี้ประมาณ 1,000,000 ราย

ได้มุ่งหน้าอย่างจริงจังในการสำรวจตรวจสอบการทุจริต กรณีดังกล่าวนี้ ผลปรากฏว่าในกรุงเทพมหานคร ฯ มีผู้ได้รับผลกระทบจากการทุจริต ดังกล่าวนี้ประมาณ 1,000,000 รายเลยทีเดียว มากยิ่งไปกว่านั้นคือ ได้มีประชาชน หลายกลุ่มหลายจำนวนที่มีความกังวลใจว่า การใช้สิทธิ์บัตรทองจะสามารถใช้สิทธิ์ตามเงื่อนไขเดิมได้หรือไม่อย่างไร ดังนั้นจึงกลายเป็นปัญหาที่ยังคาใจใครหลาย ๆ คนอยู่ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม 

บัตรทอง

ทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้ชี้แจงว่า บุคคลใดที่ยังใช้บัตรทองอยู่นั้นก็ยังจะสามารถใช้สิทธิ์ตามเงื่อนไขเดิมอยู่ การทุจริตครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล คลินิก และอื่น ๆ ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจสอบเอกสารเป็นจำนวนกว่าล้านฉบับด้วยกัน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการตั้งข้อสงสัยและสืบค้นอย่างจริงจังหลังจากที่มีหลาย ๆ องค์กร ได้มีการตกแต่งตัวเลขและจัดทำเอกสารเท็จขึ้นมา เพื่อนำไปเป็นการเบิกจ่ายงบประมาณสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคจากกองทุนบัตรทอง 

         ทางด้านของคุณจิรวุฒิ ที่ได้เป็นประธานอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีหน่วยบริการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขเกินจริงนั้น ก็ได้ออกมาแถลงการณ์ยืนยันถึงการไม่ได้มีเจตนากลั่นแกล้งผู้ใด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและพบว่า ได้มีการจงใจสร้างเอกสารขึ้นมาเพื่อเบิกจ่ายเงินจริง เริ่มจากคลินิก 18 แห่งก่อน  และขยายผลไป 64 แห่ง ต่อมาได้มีการตรวจพบอีก 106 แห่งที่เป็นความผิดทางอาญา 

การทุจริตบัตรทองโรงพยาบาล

ซึ่งทำให้ทางสํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติต้องร้องทุกข์ดำเนินคดีและเพิกถอนสัญญา  ซึ่งเป็นการย้ำการบอกเลิกสัญญาคลินิกโดยไม่กระทบสิทธิ์ของ ประชาชน ในการรักษา  ซึ่งประชาชนยังเป็นผู้มีสิทธิ์ได้รับการรักษาแบบบัตรทองเช่นเดิม  จากการตรวจสอบครบทั้ง 189 แห่งนั้น  มีเพียงแห่งเดียวที่ดำเนินการถูกต้อง  ส่วนคลินิกอีก 188 แห่ง พบว่ามี การทุจริต ซึ่งได้มีการใช้ข้อมูลโดยไม่ถูกต้องในการเบิกจ่าย  ซึ่งทางสํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการอยู่  และย้ำเตือนว่าการตรวจสอบ การทุจริต กรณีดังกล่าวนี้จำเป็นที่จะต้องทำ  เพราะประชาชนกำลังถูกแอบอ้างโดยการนำเอาข้อมูลไปเบิกจ่าย 

         นอกจากนั้นยังพบกลโกง การทุจริตอยู่ 3 รูปแบบด้วยกัน รูปแบบแรกก็คือ การสวมสิทธิ์ผู้ที่ขึ้นทะเบียนกับสถานพยาบาลโดยการแอบอ้างชื่อของประชาชน ผู้ที่มารับการรักษา  โดยการนำเอาเลขบัตรประชาชนเข้าไปกรอกในระบบเพื่อนำไปเบิกจ่ายกับสํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ รูปแบบที่สองก็คือ การปลอมแปลงเอกสารรับรองผลการตรวจของผู้ป่วยโดยในขณะที่ไม่ได้มีผู้ป่วยไปตรวจจริง ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะใช้ผลการตรวจจากสถานประกอบการ โดยการสร้างรายชื่อพนักงานของสถานประกอบการนั้น ๆ ขึ้นมาใหม่ ส่วนรูปแบบที่สามก็คือ แก้ไขและปรับเปลี่ยนข้อมูลทางกายภาพของผู้ป่วยผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานและความดัน ซึ่งสามารถเบิกจ่ายค่าตรวจคัดกรองได้รายละ 400 บาทเลยทีเดียว 

ติดตามข่าวสารอีกมากมายที่ ข่าวเด่น ข่าวร้อน อัพเดตทุกชั่วโมง และ รัฐบาลช่วย แก้ไขปัญหาการว่างงาน ให้กับประชาชนและนักศึกษาจบใหม่ โดยดำเนินการจ้างงาน