เงินเยียวยา กับกระแสหนาหูเริ่มใกล้ความเป็นจริงเข้ามากับเงินเยียวยาที่รัฐช่วยเหลือในสถานการณ์โควิด19 อีกระรอกนั่นคือเงินเยียวยาของกลุ่มเด็กผู้สูงอายุและคนพิการ ซึ่งการช่วยเหลือครั้งนี้อยากให้ทำความเข้าใจว่าทั้งสามกลุ่มจะเรียกว่ากลุ่มเปราะบาง ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากโควิด19 โดยมีกลุ่มคนเปราะบางมากว่า 13 ล้านคนสามารถจำแนกกลุ่มเปราะบางได้แก่ กลุ่มเด็ก นับตั้งแต่แรกเกิด -จนถึง6 ปี กลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้พิการ

วันที่ 26 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีได้ประชุมหารือเพื่อเห็นชอบหลักการ มาตรการการช่วยเหลือเยียวยากลุ่มเปราะบาง (เด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ) ตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ที่ได้กู้มา 1 ล้านล้านบาทพิจารณาแล้ว

การจ่ายครั้งนี้ถือว่าเป็นการรับเงินเพิ่มจากเงินอุดหนุนที่รัฐบาลได้ให้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น เงินเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด เบี้ยความพิการ หรือเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่จ่ายเป็นขั้นบันไดตามช่วงอายุ จะเห็นว่าชื่อเรียกของเงินอุดหนุน และเงินเยียวยากลุ่มเปราะบาง (เด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ) มีชื่อที่ต่างกัน จึงต้องทำความเข้าใจให้ครบถ้วนเพราะมีอีกหลายส่วนที่ยังเข้าใจไม่ถูกต้องว่ากลุ่มที่ได้รับเงินอุดหนุนอยู่แล้ว จะไม่ได้รับเงินนี้ แต่แท้จริงแล้วเป็นเงินคนละส่วนกัน จึงเห็นได้ชัดเจนว่า กลุ่มที่ได้รับเงินอุดหนุน สามารถรับเงินเยียวยากลุ่มเปราะบางได้ทุกราย มาตรการดังกล่าวได้ถูกกำหนดว่าจะต้องจ่ายให้รายละ 1,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน รวมทั้งสิ้น 3,000 บาท ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2563 จนถึง เดือนกรกฎาคม 2563

ผู้ที่ได้รับเงินเยียวยาเกษตรกร ผู้ได้รับเงินตามมาตรการเราไม่ทิ้งกัน จะได้รับหรือไม่ ทั้งนี้ข้างต้นได้ชี้แจงแล้วว่าเงินที่ช่วยเหลือล่าสุดเป็นเงินเยียวยากลุ่มเปราะบาง (เด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ) กลุ่มที่ได้รับเงินเยียวยาเกษตรกร ผู้ได้รับเงินตามมาตรการเราไม่ทิ้งกัน ต้องได้รับเงินเยียวยาครั้งนี้แน่นอน เพราะเป็นเงินคนละส่วนกันแม้จะถือว่าได้รับซ้ำซ้อน แต่ก็เป็นสิทธิของผู้ที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ของมาตรการต่างๆ
ตามแผนแล้วจะเริ่มจ่าย เดือนพฤษภาคม 2563 แต่ ณ ขณะนี้เงินยังไม่เข้าบัญชีธนาคาร คาดว่าเงินจะเข้าเดือนมิถุนายน และมีผลย้อนหลังแน่นอน ซึ่งข่าวล่าสุดอยู่ระหว่างที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)และกระทรวงการคลัง กำลังหารือความชัดเจนในการจ่ายเงินเยียวยากลุ่มเปราะบางให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ มาจับตามดูกันว่าผลการจ่ายจะเป็นอย่างไร ยังมีกลุ่มช่วงอายุอื่นๆที่รอการช่วยเหลือ แต่ถึงอย่างไรแล้วหากรวมเงินเป็นรายครอบครัว อาจมีเงินมากกว่า 10,000 บาททีเดียว